คุณเคยได้ยิน คำถามเหล่านี้ไหม?
“ราคาเท่าไร ต่อราคาได้ไหม”
“แก้งานได้ไม่อั้นเลยหรือเปล่า”
“โทรไปทำไมไม่รับสาย”
“งานจะเสร็จเมื่อไร”
“SOFTWARE ที่ได้ใครเป็นเจ้าของ”
คำถามเหล่านี้ เหล่าโปรแกรมเมอร์อิสระมักได้ยินกันอยู่บ่อยๆ โดยเมื่อโปรแกรมเมอร์อิสระสร้างสรรค์เทคโนโลยีหรือชิ้นงานเสร็จออกมาแล้ว ผลงานเหล่านั้นก็จะกลายเป็นทรัพย์สินทางปัญญา โดยสิ่งที่สำคัญในการรักษาทรัพย์สินทางปัญญานั่นก็คือการจดลิขสิทธิ์นั่นเอง
นายสมคิด รักอิสระ และนายกล้าหาญ คิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน และมีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์อิสระเหมือนกัน ทั้งสองคนมีสัญชาติไทย โดยสมคิดอาศัยอยู่ที่บ้านแถวห้วยขวาง และกล้าหาญอาศัยอยู่แถวจตุจักร ตอนนี้ทั้งสองคนได้คิดโปรแกรมจัดการระบบการเงินใกล้เสร็จแล้ว แต่ถ้าต้องการแสดงให้รู้ว่า ใครเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และมีขอบเขตการใช้งานอะไรบ้าง นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ควรใส่ ข้อตกลงการใช้งานซอฟต์แวร์ หรือ Software License Agreement ด้วย อย่างในกรณีนี้ สมคิดได้เขียนข้อตกลงการใช้งานซอฟต์แวร์ไว้ว่า ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้ได้ฟรี 30วัน และหลังจากนั้นถ้าต้องการใช้งานต่อ ให้ติดต่อผู้พัฒนา ต่อมา สมคิดกับกล้าหาญก็ทำโปรแกรมเสร็จ หลังจากนั้น นายกล้าหาญได้นำโปรแกรมที่คิดค้นร่วมกับนายสมคิดขึ้นไปโพสต์บน facebook ด้วยความเคยชิน โดยใช้ชื่อโปรแกรมว่า 2Financial Systems เพื่อแชร์ให้เพื่อนๆ ลอง ทดสอบใช้งานกัน จนอยู่มาวันหนึ่ง ก็มีบริษัทมีโชค ซอฟต์แวร์ เข้ามาพบโปรแกรมที่นายกล้าหาญได้โพสต์ไว้ ด้วยฟังก์ชันการใช้งานของโปรแกรมที่ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงทำให้บริษัทฯ เกิดความสนใจ และเล็งเห็นว่าเป็นโปรแกรมที่ดีและต้ องทำเงินให้บริษัทฯ ได้ไม่น้อยแน่ๆ ดังนั้น บริษัทฯ จึงทำการ Copy และจัดจำหน่ายโปรแกรมนี้ออกไป เมื่อนายสมคิดทราบเรื่องว่าโปรแกรมของตนถูกนำไปจัดจำหน่าย เขาจึงเกิดความสงสัยว่า… แบบนี้ ใครจะเป็นเจ้าของโปรแกรมตัวจริงกันแน่?
เจ้าของโปรแกรมตัวจริงก็คือ นายสมคิด รักอิสระ และนายกล้าหาญ คิดสร้างสรรค์ เพราะ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 8 ได้กล่าวไว้ว่า ให้ผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานที่ตนได้สร้างสรรค์ขึ้น และทั้งนายสมคิดและนายกล้าหาญเองก็จึงทำให้ถือสัญชาติไทย อาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงทำให้ทั้งสองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โปรแกรม 2Financial Systems ในกรณีนี้ถึงแม้นายสมคิดและนายกล้าหาญจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์โปรแกรมโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าจะให้ดีทั้งคู่ควรไปจดแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ให้ถูกต้อง เพราะถ้าหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา จะได้ไม่ต้องยุ่งยากในการหาหลักฐานมายืนยัน และถ้าทั้งคู่จะนำเอางานอันมีลิขสิทธิ์นี้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ก็จะได้สามารถใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา เราจึงควรไปจดแจ้งลิขสิทธิ์ ซึ่งวิธีการจดแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์นั้นง่ายมาก เพียงแค่เข้าไปที่ www.sipa.or.th แล้วคลิกที่ดาวน์โหลด จากนั้นคลิกที่คำขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ โดยเมื่อได้คำขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์มาแล้ว ก็ให้พิมพ์ออกมาจำนวน 2 ชุด แล้วกรอกรายละเอียดดังนี้
ในช่องประเภทงานอันมีลิขสิทธิ์ ให้ระบุว่าเป็นวรรณกรรม เนื่องจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ถือเป็นงานวรรณกรรมอย่างหนึ่ง
สำหรับแบบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานโดยย่อ ให้ท่านระบุวิธีการและขั้นตอนในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานโดยย่อ แล้วให้เจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนเป็นผู้ลงชื่อ
ในส่วนของหนังสือรับรองความเป็นเจ้าของงานลิขสิทธิ์ ให้ระบุชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ ที่อยู่ ทะเบียนนิติบุคคล ประเภทของงานลิขสิทธิ์ ชื่อผลงาน และระบุวันที่ยื่นคำขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะในช่องชื่อผลงานนั้น จะต้องตรงกับช่องหมายเลข 6 ในใบ คำขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์แล้วให้เจ้าของลิขสิทธิ์ลงนามเท่านั้น
เมื่อกรอกรายละเอียดครบทั้ง 2 ชุดแล้ว จะต้องเตรียมเอกสารที่ใช้ประกอบการจดแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ดังนี้
1. คำขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ จำนวน 2ฉบับ
2. หนังสือรับรองความเป็นเจ้าของงานลิขสิทธิ์
3. ผลงาน ซึ่งก็คือ ซีดีรอมที่บรรจุ Source Code 5 หน้าแรกและ 5 หน้าหลัง
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของลิขสิทธิ์ซึ่งก็คือสมคิดและกล้าหาญ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ให้นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)